สะตอศรีสะเกษ
🌱 แหล่งปลูกสะตอในศรีสะเกษ
ในภาคอีสานใต้ โดยเฉพาะอำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ ได้กลายเป็นศูนย์กลางการปลูกสะตอขนาดใหญ่ โดยเริ่มจากเกษตรกรรายแรกที่นำเมล็ดพันธุ์จากภาคใต้ปลูกและขยายผลสำเร็จอย่างมาก
ปัจจุบันถือเป็นแหล่งปลูกสะตอที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน และอาจใหญ่สุดในประเทศไทยด้วย
🍃 ลักษณะพรรณสะตอ
เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ สูงได้ถึง 30 เมตร กิ่งและใบแบบขนนกสองชั้น ใบเรียงกันเป็นคู่หลายชั้น
ออกดอกในช่วงเดือนเมษายน แล้วติดฝักใช้เวลา 70 วัน จึงเริ่มเก็บเกี่ยวได้ในช่วงกรกฎาคม–สิงหาคม และสามารถเก็บผลผลิตต่อเนื่องไปจนถึงอายุ 15–20 ปี
สายพันธุ์ที่นิยมปลูก
มี สะตอข้าว และ สะตอดาน
สะตอข้าว: ฝักบิดเป็นเกลียว กลิ่นฉุนต่ำ เนื้อเมล็ดนุ่ม รสอ่อนกว่า ออกผลเร็ว (3–5 ปี)
สะตอดาน: ฝักตรงกว้าง กลิ่นฉุนจัด รสเข้ม เนื้อเมล็ดแน่น ออกผลช้า (5–7 ปี) เหมาะกับตลาดเฉพาะด้านตรงที่ต้องการรสจัด
✔ เหตุผลที่ทำให้ศรีสะเกษเหมาะกับการปลูกสะตอ
สภาพแวดล้อมใกล้เคียงกับภาคใต้ มีความชื้น ฝนชุก และดินลึก ไม่มีชั้นหินดาน เหมาะแก่รากสะตอที่จะเติบโต
ศรีสะเกษยังปลูกไม้ผลอื่นได้ดี เช่น เงาะ ทุเรียน มังคุด ซึ่งบ่งชี้ว่าพื้นที่มีความเหมาะสมกับสะตอด้วย
📈 ประสิทธิภาพการปลูกในศรีสะเกษ
เริ่มต้นจากสวน 18 ไร่ ประมาณ 300 ต้น และขยายไปสู่หลายตำบลจนกลายเป็นฐานปลูกขนาดใหญ่ทั้งอำเภอขุนหาญและใกล้เคียง
ในต้นที่ให้ผลแล้วจะสามารถให้ผลผลิตประมาณ 200–500 ฝักต่อต้นต่อปี และเก็บได้หลายรอบในช่วงฤดูฝนต่อปี
🧾 สรุป:
รายการ รายละเอียด
แหล่งปลูก จังหวัดศรีสะเกษ (อำเภอขุนหาญ)
จุดเด่น แหล่งปลูกสะตอใหญ่ที่สุดในอีสาน
ชนิดสะตอ ข้าว (หวาน กลิ่นเบา) / ดาน (เมล็ดใหญ่ กลิ่นฉุน)
ฤดูเก็บเกี่ยว ดอกออกเมษายน – กรกฎาคม/สิงหาคม (ใช้เวลา ~70 วัน)
ผลผลิต 200–500 ฝักต่อต้นต่อปี (เก็บได้หลายรอบ)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น